กราบเรียน ผศ.ดร.สุเทพ อ่วมเจริญ
ที่เคารพรักอย่างสูง
จากที่อาจารย์ได้มอบหมายให้วิเคราะห์เรื่องเจ้าพ่อการตลาดโดยใช้หลักการของหลักสูตรมาวิเคราะห์นั้น
ดิฉันขอสรุปและวิเคราะห์ตามหลักดังนี้
นิยายเรื่อง “เจ้าพ่อการตลาด” เป็นนวนิยายที่แต่งขึ้นโดย ไกรฤทธิ์
บุณยเกียรติ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักในการแต่งเรื่องนี้ขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ
1. เป็นกำลังใจ เพื่อนักขายและนักการตลาดทั้งหลาย
ให้มองอะไร ให้กว้างและไกล คิดอะไรให้ลึกใน
ขณะที่ไต่บันไดชีวิตการตลาดของตนอยู่
2. บอกกล่าวให้ผู้น้อยเนื้อต่ำใจทุกคน ว่ายังมีหนทางก้าวหน้าอยู่เสมอ ถ้าคุณช่วยตนเอง และเป็นคนดีอย่าง
2. บอกกล่าวให้ผู้น้อยเนื้อต่ำใจทุกคน ว่ายังมีหนทางก้าวหน้าอยู่เสมอ ถ้าคุณช่วยตนเอง และเป็นคนดีอย่าง
ฯพณฯสมชาย
3. เป็นเรื่องราวสำหรับอ่านประกอบ เสริมประสบการณ์ทางการตลาดของนักเรียน ที่กำลังศึกษาด้านนี้ เพื่อ
3. เป็นเรื่องราวสำหรับอ่านประกอบ เสริมประสบการณ์ทางการตลาดของนักเรียน ที่กำลังศึกษาด้านนี้ เพื่อ
สะท้อนประสบการณ์
และข้อสังเกตทางการตลาดในชีวิตจริง
ผู้ประพันธ์ได้สะท้อนแนวคิด
และดำเนินเรื่องตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวไว้ข้างต้นผ่านตัวละครหลักที่ชื่อว่า “สมชาย” ได้อย่างน่าติดตาม
อย่างไรก็ดีในมุมมองของผู้อ่านย่อมมีสิทธิที่จะวิเคราะห์และตีความไปได้หลากหลายตามแต่พื้นฐานความรู้
หรือหลักคิดของแต่ละบุคคล
ผู้แต่งได้นำเสนอแง่มุมต่างๆ ผ่านประสบการณ์ชีวิตของสมชาย
จากเด็กชายสมชายซึ่งอาศัยอยู่กับแม่โดยไม่เคยเห็นหน้าพ่อที่จังหวัดสงขลา
ด้วยฐานะที่ยากจนในวัย 10ปี เขาต้องมาอาศัยอยู่กับลุงกำนันและป้าพี่สาวของแม่ที่เป็นครูที่โรงเรียนฝรั่งที่กรุงเทพ
สมชายได้รับการศึกษาชั้น ม.1- ม.8 จากโรงเรียนดังกล่าว หลังจากจบ ม. 8
ด้วยความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ
ทำให้เขาได้ทำงานเป็นเซลล์แมนที่บริษัทฝรั่ง
และด้วยความที่สมชายเป็นคนที่มีความขยัน มุมานะ อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ความเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ ทำให้มีเพื่อนฝูงมากมาย โดยเฉพาะและการมองกว้าง คิดไกล
ในการทำธุรกิจ การวิเคราะห์จุดเด่น
จุดด้อยทั้งของตนเอง และของคู่แข่งในทางธุรกิจ
ทำให้สมชายได้รับโอกาสและได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและเพื่อนๆในการบริหารธุรกิจจากธุรกิจขนาดเล็กจนถึงการบริหารประเทศปาซีเฟียในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งเขาได้นำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนทางด้านการบริหารธุรกิจที่ประเทศอังกฤษและประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาใช้ในการบริหารประเทศจนสามารถเป็นผู้นำที่มีอำนาจต่อรองในสมาคมอาซียนและก้าวสู่ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลและจัดระเบียบของโลกเรื่องการค้าขายระหว่างประเทศและปัญหาสังคมแต่ช่วงสุดท้ายของชีวิตเขากลับประเทศไทยมาใช้ชีวิตใต้ร่มกาสวพัตร บวชเป็นพระในจังหวัดบ้านเกิด
ผู้เขียนได้ถ่ายทอดประสบการณ์ทางการตลาด การทำธุรกิจผ่านสมชายตัวเอกของเรื่อง และจากการอ่านได้รับความรู้ในเรื่องการต่อตั้งสมาคมอาเซียน
เทคนิควิธีในการทำการค้า
เล่ห์เหลี่ยมและชั้นเชิงการรักษาผลประโยชน์ตั้งแต่ระดับบริษัทจนถึงระดับประเทศ ด้วยข่าวสารข้อมูลที่เป็นปัจจุบันในการทำจัดทำแผนกลยุทธ์
ทำให้เข้าใจคำพูดที่ว่า “รู้เขา รู้เรา
รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” นอกจากนั้นได้เรียนรู้การพัฒนาบุคลิกภาพ
ความต้องการของมนุษย์ ภาวะผู้นำของผู้บริหาร การสร้างแรงจูงใจ
การสร้างมนุษยสัมพันธ์ การติดต่อสื่อสาร และสิ่งสำคัญคือ
การเป็นผู้บริหารที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากประโยชน์ส่วนตน ซึ่งความรู้ต่างๆ
นั้นสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองและการบริหารธุรกิจ
เรื่องเจ้าพ่อการตลาด
ของไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ได้สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาทางการศึกษาคือ
ปรัชญาสาขาอัตถิภาวนิยม หรืออัตนิยม หรือสวภาพนิยม (Existentialism) ปรัชญานี้เกิดจากทัศนะเคอการ์ด(Soren
Kierkegard) และสาตร์ (Jean Paul Sartre) ปรัชญานี้ให้ความสนใจที่ตัวบุคคล
หรือความเป็นอยู่ มีอยู่ของมนุษย์ ซึ่งมักถูกละเลย
ซึ่งพวกเขามีความคิดเห็นว่าสภาวะโลกปัจจุบันนี้มีสรรพสิ่งทางเลือกมากมายเกินความสามารถที่มนุษย์เราจะเรียนรู้
จะศึกษา และจะมีประสบการณ์ได้ทั่วถึง
ฉะนั้นมนุษย์เราควรจะมีสิทธิ์หรือโอกาสที่จะเลือกสรรพสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวของตัวเองมากกว่าที่จะให้ใครมาป้อนหรือมอบให้
จากแนวความคิดดังกล่าว
พวกอัตถิภาวนิยมจึงมีความเชื่อว่าเป้าหมายของสังคมนั้นต้องมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้คนเรามีอิสรภาพ
และมีความรับผิดชอบ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราพยายามเปิดโอกาสหรือยอมให้ผู้เรียนมีสิทธิเสรีภาพที่จะเป็นผู้เลือกเอง
ครูเป็นเพียงผู้กระตุ้น และปรัชญานี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติของคนก็ดี
สภาพแวดล้อมทางสังคมก็ดีเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว
คนแต่ละคนสามารถกำหนดชีวิตของตนเองได้
เพราะมีอิสระในการเลือกทุกสิ่งทุกอย่างไม่อยู่คงที่แต่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพราะเชื่อว่าความจริง
(Truth) เป็นเรื่องนามธรรมที่ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปให้
สาระความจริงก็คือ ความมีอยู่เป็นอยู่ของมนุษย์ (existence) ซึ่งมนุษย์แต่ละคนจะต้องกำหนดหรือแสวงหาสาระสำคัญ
(essence) ด้วยตนเอง โดยการเผชิญกับสถานการณ์ที่เรียกว่า “existential
situation” ซึ่งบุคคลแต่ละคนมีเสรีภาพที่จะเลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง
ข้อสังเกตเกี่ยวกับปรัชญาสาขาอัตถิภาวนิยมมีดังนี้
1. เน้นเอกัตบุคคลเป็นสำคัญ
2.คำนึงถึงความแตกต่างส่วนบุคคล
จึงทำให้แนวคิดที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้สึกว่าตนเองประสบ
ความสำเร็จ
3.ปรัชญานี้ความสำเร็จมุ่งส่งเสริม
4 ประการ คือ การพัฒนาตนเอง อิสรภาพ การเลือกและความรับผิดชอบ
เรื่องเจ้าพ่อการตลาด อยู่ในสังคมยุคทุนนิยม จากเนื้อหาของเรื่องสะท้อนให้เห็นว่าจะเป็นการเขียนถึงการค้าขายตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริษัทการค้าเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น การขายผงซักฟอง ขายนมข้นหวาน ขายน้ำมันพืช เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และการแข่งขันกันทางตลาด ซึ่งจากเนื้อหาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เอกชนนั้นเข้ามามีบทบาทในประเทศ มีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ กล่าวคือ ระบบทุนนิยม หมายถึง เป็นระบบเศรษฐกิจที่ซึ่งผลิตภัณฑ์และสินค้ามีการจำหน่าย แลกเปลี่ยนซื้อขายโดยทางเอกชน บริษัท หรือกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างผลกำไรให้กับหน่วยงาน โดยการแลกเปลี่ยนสินค้าและการบริการ ที่มีการรองรับทางกฎหมายและมีการแข่งขันการในเชิงการค้าเพื่อทำกำไรสูงสุด ซึ่งไม่ได้ควบคุมโดยหน่วยงานกลางหรือจากทางรัฐบาล
เรื่องเจ้าพ่อการตลาด อยู่ในสังคมยุคทุนนิยม จากเนื้อหาของเรื่องสะท้อนให้เห็นว่าจะเป็นการเขียนถึงการค้าขายตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริษัทการค้าเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น การขายผงซักฟอง ขายนมข้นหวาน ขายน้ำมันพืช เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และการแข่งขันกันทางตลาด ซึ่งจากเนื้อหาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เอกชนนั้นเข้ามามีบทบาทในประเทศ มีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ กล่าวคือ ระบบทุนนิยม หมายถึง เป็นระบบเศรษฐกิจที่ซึ่งผลิตภัณฑ์และสินค้ามีการจำหน่าย แลกเปลี่ยนซื้อขายโดยทางเอกชน บริษัท หรือกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างผลกำไรให้กับหน่วยงาน โดยการแลกเปลี่ยนสินค้าและการบริการ ที่มีการรองรับทางกฎหมายและมีการแข่งขันการในเชิงการค้าเพื่อทำกำไรสูงสุด ซึ่งไม่ได้ควบคุมโดยหน่วยงานกลางหรือจากทางรัฐบาล
นอกจากนี้ถ้าจะวิเคราะห์ในด้านปรัชญาทางการศึกษาแล้วแล้ว
สามารถเปรียบเทียบให้แง่คิดในเรื่องความต้องการของมนุษย์ของมาสโลว์ (Abraham H. Maslow) ซึ่งมีแนวคิดเกี่ยวกับความต้องการของมนุษย์ว่าไม่มีที่สิ้นสุด
โดยจะเริ่มจากความต้องการจากขั้นต่ำไปยังระดับสูงสุด
เมื่อความต้องการในระดับหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว
มนุษย์ก็จะมีความต้องการอื่นในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
ซึ่งสมชายตัวเอกของเรื่องเป็นไปตามลำดับขั้นจากขั้นต่ำสุดไปถึงสูงสุด ตามที่Maslow
แบ่งระดับความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 5 ระดับ
ดังนี้
1.
ความต้องการทางร่างกาย (Physiological needs) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์เพื่อความอยู่รอด
เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค อากาศ น้ำดื่ม การพักผ่อน
เป็นต้น
2.
ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง (Security or safety needs)
เมื่อมนุษย์สามารถตอบสนองความต้องการทางร่างกายได้แล้ว
มนุษย์ก็จะเพิ่มความต้องการในระดับที่สูงขึ้นต่อไป เช่น
ความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ความต้องการความมั่นคงในชีวิตและหน้าที่การงาน
3. ความต้องการทางสังคม (ความผูกพันหรือการยอมรับ) ( Social Needs) เป็นความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เช่น ความต้องการให้และได้รับซึ่งความรัก ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ ความต้องการได้รับการยอมรับ การต้องการได้รับความชื่นชมจากผู้อื่น เป็นต้น
3. ความต้องการทางสังคม (ความผูกพันหรือการยอมรับ) ( Social Needs) เป็นความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เช่น ความต้องการให้และได้รับซึ่งความรัก ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ ความต้องการได้รับการยอมรับ การต้องการได้รับความชื่นชมจากผู้อื่น เป็นต้น
4.
ความต้องการชื่อเสียง (Esteem needs) หรือ
ความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นความต้องการการได้รับการยกย่อง นับถือ และสถานะจากสังคม
เช่น ความต้องการได้รับความเคารพนับถือ ความต้องการมีความรู้ความสามารถ เป็นต้น
5.
ความต้องการความสำเร็จในชีวิต (self-actualization) เป็นความต้องการสูงสุดของแต่ละบุคคล เช่น
ความต้องการที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้สำเร็จความต้องการทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง
เป็นต้น
สำหรับลักษณะเด่นของสมชายนอกจากมีบุคลิกภาพที่ดีแล้ว
ยังเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศซึ่งมนุษยสัมพันธ์หมายถึง กระบวนการครองใจคน เพื่อให้เกิดความพึงพอใจในการปฏิสัมพันธ์
ความรักใคร่ความผูกพัน ความเข้าใจ รวมถึงความร่วมมือร่วมใจกัน ในการอนุเคราะห์ช่วยเหลือซี่งกันและกันให้ทำงานอย่างมีความสุข
ทำงานบรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ซึ่งหลักการของการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดมนุษยสัมพันธ์ที่ดีคือ “จงเอาใจใส่อย่างแท้จริงต่อผู้อื่น” การที่สมชายได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆเพราะเป็นคนใจกว้าง
รู้จักการให้และไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทำให้เขาเป็นคนมีเพื่อนมาก
และจากประสบการณ์ชีวิตของสมชาติเขาได้ดีเพราะคบคนเก่งและมีประโยชน์ตลอดมา
โดยเฉพาะเพื่อนร่วมชั้นเรียนของการเรียนหลักสูตร Master of
Management ที่เป็นจอมยุทธทางการบริหาร คือ เส้นสายทางการติดต่อค้าขายระดับอินเตอร์
เขาให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ ด้วยการจดจำชื่อ การทักทาย และจดจำจุดเด่นของเพื่อนๆ
ความซับซ้อนของทุนนิยมยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอีกมาก
อีกทั้งแง่มุมต่างๆ ผลกระทบของทุนนิยมต่อวิธีชีวิตของมนุษย์และสังคม
ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เรายังไม่สามารถหาคำตอบได้ทั้งหมด
แต่ด้วยชีวิตในโลกยุคปัจจุบันที่คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเราอยู่ในโลกยุคทุนนิยม
การทำความรู้จักและพยายามทำความเข้าใจกับโลกทุนนิยมที่เราอาศัยอยู่
คงจะทำให้เราอยู่บนกับมันอย่างรู้เท่าทันและระแวดระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อด้านมืดของมัน
รวมทั้งสามารถเก็บเกี่ยวและใช้ด้านดีของมันเพื่อประโยชน์ของตัวเองและสังคมก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ท้ายสุดจากการอ่านนวนิยายเรื่องเจ้าพ่อการตลาดนอกจากได้ข้อคิดตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังได้ข้อคิดตามหลักไตรลักษณ์ของศาสนาพุทธ
ที่กล่าวถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หมายถึง สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยง สังขารทั้งปวง
เป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา ซึ่งสมชายก็เข้าใจในสัจจธรรมนี้
นางสาวพรนภัส ทับทิมอ่อน
รหัส 57254909
สาขาหลักสูตรและการสอน
กลุ่มการสอนภาษาอังกฤษ